On the bech

วันอังคารที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

มาดูน้อง ซังฮา เล่นอูคูเลเล่กันคะ เพราะเนอะ

http://www.youtube.com/watch?v=E2OEuyF_2u8&feature=fvwrel

เรียนเเละหัดเล่นอูคูเลเล่ กับ ลุลากันคะ ^^

http://www.youtube.com/watch?v=hP9LCPS2HMA&feature=related

หลังจากที่หัด คอร์ดเเล้ว มาหัดเล่นกันกับเพลงนี้นะคะ

http://www.youtube.com/watch?v=p8qFMvVAe1Y

มาดูความถาคถูมิใจของคนไทยกันคะ เก่งมาก น้องคนนี้กับกีต้าร์คลาสสิค

http://www.youtube.com/watch?v=5JNDsm3of-w&feature=related

มาหัดเล่น อูคูเลเล่กันคะ

http://www.108ukulele.com/shopnews/index/977

การตีคอร์ดกีต้าร์ กับอ.แดงนะคะ

http://www.youtube.com/watch?v=g6vAvtPmE6M&feature=related

เทคนิคการ้องเสียงสูง

ร้องเสียงสูง ต้องบังคับลมให้มันพุ่งเหนือเพดานปากขึ้นไป ให้จุดโฟกัสอยู่ตรงบริเวณโพรงจมูก จะเกิดเสียงสะท้อนโดยธรรมชาติ สังเกตุดูว่าถ้าลมมันอยู่บริเวณไหนตรงนั้นก็จะสั่น ถ้าร้องโน๊ตที่สูงมากๆโดยใช้เสียงเต็มไม่ได้ ก็ร้องให้เป็นเสียงหลบเบาๆ แล้วค่อยเพิ่มความดังขึ้นทีละนิด โดยให้กระบังลมเป็นตัวผลักลมขึ้นไป การจะร้องให้มีพลังได้นั้นกระบังลมต้องแข็งแรง การร้องวิธีนี้จะค่อยๆขยายขอบเขตของเสียงจากเสียงหลบให้เป็นเสียงจริงได้ในที่สุด ผมฝึกทีละ 1 เซมิโทน เช่น จาก G ไป G# เป็นต้น ระยะเวลาที่ฝึกก่อนจะเปลี่ยนไปเป็นโน๊ต A ผมใช้ระยะเวลาประมาณ 2-3 สัปดาห์ แล้วก็ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆกับโน๊ตตัวต่อไป ไม่ต้องรีบร้อน เพราะไม่เช่นนั้นอาจเกิดอาการบาดเจ็บจากการใช้เสียงเกินกำลังได้ และจะทำให้เส้นเสียงเสียเร็วอีกด้วย .... แต่ว่าก่อนที่จะทำแบบนี้ได้นั้นต้องเปิดคอให้ได้ก่อน ต้องบังคับกล้ามเนื้อบริเวณนี้ให้เป็นไปอย่างธรรมชาติไม่เกร็ง เพราะถ้าเกร็งต่อให้อยากจะร้องให้สูงแค่ไหนเสียงก็ออกมาไม่มีพลังหรืออาจจะขึ้นสูงไม่ได้เลย แนะนำว่าอย่างแรกในการฝึกร้องเพลง อย่างแรกเลยต้องหัดหายใจให้ถูกวิธีซะก่อนแล้วคอก็จะเปิดเองโดยธรรมชาติอยู่แล้ว จากนั้นก็ฝึกการสร้างเสียงสะท้อนที่โพรงกระโหลกตรงบริเวณใบหน้า โดยการบังคับลมให้ไปอยู่ที่บริเวณนั้น ฝึกโดยการฮัม ไปหาแบบฝึกหัดมาฝึกเยอะๆ หรือไปเรียนเลยก็ดี ตอนร้องเสียงสูงไม่ว่าโน๊ตตัวไหนก็แล้วแต่ สิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่งคือว่า เราต้องนึกโน๊ตตัวนั้น (เสียงที่จะร้อง) อยู่ในหัวนะ และอย่าไปคิดว่าร้องไม่ถึง เพราะถ้าคิดแบบนี้ร่างกายเราจะตอบสนองโดยอัตโนมัติว่าไม่ถึง เพราะฉนั้นต้องทำใจให้สบายและมั่นใจว่าเราทำได้ก็จะทำได้ในที่สุด ....และต้องอาศัยการฝึกฝนที่ถูกวิธีจะช่วยได้มากเลยหล่ะ ....หวังว่าผมคงจะช่วยคุณได้บ้างไม่มากก็น้อยนะคะ http://www.e-muzic.net/forum/index.php?topic=2364.0

เทคนิคการใช้เสียงหลบ

# ฝึกร้องเพลงกันเถอะ # 1. เคล็ดลับในการหายใจ สำหรับคนที่เพิ่งเริ่มหัดร้องเพลง เพราะมักจะหายใจไม่ทันและเหนื่อย ร้องแล้วบางทีลมไม่พอ ทำให้เสียงขาดหาย ตอบ การหายใจที่ถูกต้องคือ การเก็บลมที่กระบังลม พองรับลมเก็บลมเข้าไว้ ใช้ลมจากกระบังลม Control ให้เส้นเสียงสั่นสะเทือน ถ้าเปลี่ยนวิธีการหายใจมาใช้กระบังลมได้ บางทีน้องจะหายใจง่ายขึ้น เพราะการหายใจด้วยกระบังลม มันใช้เวลาเสี้ยววินาทีในการเก็บลมให้เต็ม -------------------------------------------------------------------------------- 2. รู้สึกว่าเสียงร้องของตัวเองไม่มีพลัง ควรทำไงดี อีกอย่างหนึ่งการที่จะร้องเพลงให้มีทั้งน้ำเสียงและ feelling ที่ดีควรทำอย่างไร ตอบ ต้องรู้จัก Project เสียง เริ่มจากรู้จักการบังคับกระบังลม อย่างเช่น การบังคับกระบังลมเนี่ย เราหายใจเข้าเก็บลม กระบังลมพองเต็มที่แล้ว ปล่อยเสียง เราบังคับกระบังลมให้ Project เสียงทีเดียว ให้มีพลัง เราทำได้แล้ว เราจะเริ่ม Project เสียง บังคับกระบังลมได้นะ มันมีวิธีการฝึกฝน แบบฝึกหัดเยอะแยะ อย่างเช่น Sit Up หรือว่า เพิ่มพลังให้กระบังลม ยกน้ำหนักกระบังลม น้องๆ ก็คงต้องเน้นที่กระบังลม เก็บลมและ Control ได้เต็มที่ จะทำให้เสียงมีพลังมากขึ้น -------------------------------------------------------------------------------- 3. ร้องเพลงแล้วรู้สึกเหมือนเสียงสั่นๆไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร ตอบ เสียงสั่นมี 2 กรณีนะครับ - คือเกร็ง เวลาร้องเพลงแล้วเกร็ง เส้นเสียงมันจะตึง ทำให้สั่นสะเทือนไม่ได้เต็มที่ - อีกอันหนึ่งก็คือ ลมที่ใช้บังคับให้เส้นเสียงสั่นสะเทือน ไม่เพียงพอ เพราะฉะนั้นต้องลองเช็คดูว่า ลมพอรึเปล่า หรือว่าน้องร้องเกร็ง แล้วก็แก้ไขที่จุดนั้นๆ -------------------------------------------------------------------------------- 4. ผมเป็นคนที่ร้องเสียงสูงไม่ค่อยได้ ทำอย่างไรให้สามารถร้องเสียงสูงได้บ้างครับ โดยเฉพาะเพลงพี่เบิร์ดร้องยากมาก ถ้าจะร้องให้ได้ตามคีย์เสียงพี่เขานั้นยากมากสำหรับผม ตอบ จริง ๆ แล้ว อย่างที่บอกว่าการร้องเพลง เสียงจะถูกกำหนดโดยสรีระร่างกายคนเราแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน เพราะฉะนั้นอยากจะเป็นคนอีกคนนึง มันก็ยาก แต่มันก็ไม่ถึงกับทำไม่ได้ จะต้องมีการฝึกฝนที่ถูกวิธี หายใจให้ถูกต้อง รูปปากถูกต้อง ค่อย ๆ Vocalize เสียงให้สูงขึ้น แต่ยังไงก็ตาม คนบางคนก็อาจจะไม่สามารถร้องได้ เพราะระดับของเสียงมันถูกกำหนดโดยสรีระร่างกาย เพราะฉะนั้นถ้าอยากร้องเพลงพี่เบิร์ด ก็อาจจะต้องลดคีย์ลงมาดีกว่า อย่าไปบังคับให้เสียงสูงขึ้นโดยการตะโกน มันจะทำให้เสียงเสีย -------------------------------------------------------------------------------- 5. วิธีการร้องเสียงหลบเป็นยังไง มีเทคนิคในการร้องแบบไหน แล้วร้องยากไหม ตอบ การร้องเสียงหลบนี่ก็คือเสียง Head Tone ค่ะ วิธีการร้องก็ต้องเปิดคอ ก็คือให้คอ เราเป็นโพรง แล้วโยนเสียงขึ้นไปให้ก้องกังวานอยู่บริเวณที่เป็น Head Tone จริง ๆ ถามว่าร้องยากมั้ย ไม่ยากนะ แต่จะต้องมีการฝึกฝนที่ถูกวิธีนิดนึง แล้วก็มีครูที่มีประสบการณ์ช่วยชี้แนะ -------------------------------------------------------------------------------- 6. ร้องเพลงไม่ค่อยเข้ากับดนตรีเลย เป็นคนเสียงต่ำทำให้ร้องเพลงเสียงสูงไม่ได้ พอร้องเสียงมันจะขาดไป อยากร้องเพลงเสียงสูงได้ และการร้องแบบมีลูกคอทำยังไงคะ อยากมีลูกคอเหมือนกับนักร้องดังๆบ้าง ควรฝึกยังไง ตอบ อยากร้องเสียงสูงได้ต้องฝึกนะ ก็คือฝึกการวอร์มเสียงด้วย แล้วก็จะต้องมี ครูที่ชำนาญช่วยในการ ฝึกฝน อย่างที่พี่แอนบอกว่า เสียงจะถูก Limit ด้วยสรีระร่างกาย เรา ดังนั้นการที่จะยืดให้เสียงสูงขึ้นหรือต่ำลงจะต้องมีคนที่มีประสบการณ์มีความรู้มากกว่าที่จะช่วยยืดเสียงนั้น ร้องแบบมีลูกคอทำยังไง? ลูกคอ คือการสั่นสะเทือนเราเรียกว่า Vibration ค่ะ เพราะฉะนั้นลูกคอก็คือการสั่นสะเทือนของโน้ต 2 ตัว ให้หาโน้ต 2 ตัว ลองฝึกฝนร้องจากโน้ตแต่ละโน้ต อย่างสมมุติ \"มีฟ้า มีฟ้า มีฟ้า…\" เราร้องให้เร็วขึ้น แล้วมันจะเกิดลูกคอได้ -------------------------------------------------------------------------------- 7. อยากทราบเทคนิคการร้องแบบ R&B ว่าทำยังไงค่ะ แล้วก็สนใจอยากร้องให้ได้แบบ Mariah (แบบหอนๆ หน่อย) อยากรู้ว่าหัดยังไง ตอบ คนที่ร้อง R&B ได้จะต้องเป็นคนที่ฟังเพลงเยอะๆ แล้วก็รู้จักการใช้โน้ตหลายๆ ตัว แทนที่จะร้องลากเสียงแค่โน้ตเดียว ก็จะเปลี่ยนโน้ตไปเรื่อยๆ มันจะมีสเกลหลายสเกลที่จะใช้ฝึกนะคะ อย่างเช่น Melodic Scale คือสเกลที่เป็นเครื่องเสียงหมดเลย ฝึกอันนี้ก็ได้ หรือว่าฟังเพลงเยอะๆ ก็ได้ -------------------------------------------------------------------------------- 8. เพื่อนๆมักจะบอกว่า ผมร้องเพลงสมูทมากๆ คือเรียบหมดทั้งเพลง ไม่มีสูง-ต่ำ ทั้งๆที่ผมรู้สึกว่าผมออกเสียงสูงต่ำชัด อาการของผมคือ ร้องเสียงต่ำปั๊บ ล่มทันที คือร้องได้ แต่ว่าไม่ค่อยมีคีย์ เสียงสูง ก็สูงมากไม่ได้ เพราะเสียงผมขาดพลัง ลงต่ำไม่ค่อยได้ แต่เพื่อนบอกว่าผมเนื้อเสียงดีนะ ช่วยตอบด้วยนะครับ ขอบคุณครับ ตอบ เป็นเสียงโมโนโทน คือร้องเสียงคีย์เดียวกันตลอด ปัญหาคงอยู่ที่ ear training คือปัญหาของการรับฟัง เพราะถ้าเรามีประสาทหูที่ดีเราจะรับฟังเสียงสูงและเสียงต่ำ แล้วก็สามารถทำตามได้จากสิ่งที่ได้ยิน เพราะฉะนั้น ของน้องคงต้องเริ่มตั้งแต่ ear training ก่อน คือฝึกประสาทรับฟังที่ถูกต้องก่อน เพื่อจะได้จับเสียงสูง-เสียงต่ำ และความแตกต่างของเสียงได้ เนื้อเสียงดีก็ดีแล้วค่ะ แต่จริงๆสิ่งที่สำคัญที่สุดอีกอย่างของการร้องเพลง คือประสาทรับฟัง -------------------------------------------------------------------------------- 9. \"เอกลักษณ์การร้องเพลงที่เป็นตัวของตัวเอง\" ฟังแล้วเหมือนง่าย แต่ยากจังนะคะ เราจะรู้ได้อย่างไรว่าเอกลักษณ์ของเราคืออะไร เพราะอย่างหนูเองเวลาร้องตามนักร้อง หนูมักจะหัดออกเสียงตามแบบที่เขาร้อง แรกๆหนูก็ไม่รู้ตัวหรอกค่ะ แต่พอมาฟังคนพูดเยอะๆว่า นักร้องคนนี้ ร้องเพลงมีเอกลักษณ์เป็นของตัวเองดี ก็เลยฉุกคิดว่า แล้วเราล่ะมีเอกลักษณ์การร้อง เป็นของตัวเองบ้างหรือเปล่า ตอบ จริงๆแล้วเอกลักษณ์ มันก็คือเทคนิคในการร้องเพลง อย่างที่เวลาน้องร้องเพลงตามศิลปินคนอื่นๆ เขาจะมีเทคนิคแต่ละคนที่ไม่เหมือนกัน ทีนี้การใช้เทคนิคในคำแต่ละคำในเพลง มันอาจจะมีหลายเทคนิค ที่จะใช้กับคำๆนั้น ถ้าน้องสามารถหาวิธีที่น้องถนัด แล้วก็ลงไปร้องคำกับคำๆนั้นให้เหมาะสม มันก็จะเป็นเทคนิค ส่วนตัวของเราได้ ซึ่งตรงนี้เป็นขั้น advance แต่จริงๆแล้วถ้าฟังเพลงเยอะๆ เราก็จะจับเทคนิคได้ ถ้าจะให้แนะนำก็ลองปรึกษาหรือลองไปเรียนกับครู ที่มีความรู้ความสามารถ เพื่อที่จะได้พัฒนาเทคนิคของตัวเองขึ้นไป แล้วจะได้เข้าใจว่าอะไรคือเอกลักษณ์ของตัวเอง -------------------------------------------------------------------------------- 10. อยากทราบวิธีวอร์มเสียงก่อนขึ้นเวทีค่ะ ตอบ วิธีการวอร์มเสียงง่ายๆ วอร์มสเกล เมเจอร์สเกล โด เร มี ฟา ซอล ลา ที โด หรือว่าเป็นอาเพ็จจิโอ โด มีซอล โด ซอล มี โด อะไรอย่างเนี้ย แล้วก็ค่อยไล่สเกลขึ้นไปเรื่อยๆ ก็จะช่วยได้ หรือว่าเป่าลม เป่าปาก ก็จะช่วยรีแล็กซ์กล้ามเนื้อที่ปาก ที่คาง ที่ขากรรไกรได้ อาจจะวอร์มร่างกายให้อบอุ่นด้วยอีกอย่างหนึ่งก็ดี -------------------------------------------------------------------------------- 11. การร้องเพลงร็อคควรใช้เสียงประมาณไหนครับ ตอบ การร้องเพลงทุกเพลง ต้องเริ่มต้นที่การร้องเต็มเสียง เต็มเสียงยังไง? หมายความว่าเต็มเนื้อเสียงที่เราใช้ในการพูด เป็นเสียงมาตรฐานของการร้องให้เต็มเสียง เพลงร็อคก็ควรจะเป็นแบบนั้นเหมือนกัน แต่ว่าเพลงร็อคของน้อง อาจจะเป็นไฮร็อก หรือว่าเฮฟวี่เมทัล อาจจะต้องใช้เสียงมากกว่านั้น ซึ่งอาจจะต้องมีครูแนะนำ เพราะว่าบางทีถ้าใช้เสียงผิดวิธี มันจะทำให้เส้นเสียงอักเสบได้ แต่ว่าเริ่มร้องเพลงเนี่ย ควรจะร้องให้เต็มเสียงก่อนแล้วกัน -------------------------------------------------------------------------------- 12. อยากร้องเพลงเก่ง มีปัญหาตอนที่ร้องเสียงสูง เสียงจะเพี้ยนและแตกทุกครั้ง ตอนนี้ผมทำงานในด้านนี้ด้วย(ร้องเพลงที่ผับตอนกลางคืน) ช่วยบอกวิธีให้ด้วยนะครับ ขอบคุณล่วงหน้าครับ ตอบ 1. เบสิค คือการหายใจที่ถูกต้อง ประสาทรับฟังที่ถูกต้อง รูปปากที่ถูกต้อง 2. ริธึ่มมิค คือ จังหวะที่ดี 3. เทคนิค คือ การร้องอย่างมีสไตล์ มีเทคนิคเป็นของตนเอง เพราะฉะนั้นถ้าอยากร้องเพลงเก่งๆ พี่ว่ากลับไปที่เบสิคของการร้องเพลง ต้องเช็คว่าหายใจถูกต้องหรือยัง? หายใจด้วยกระบังลมหรือเปล่า? รูปปากถูกต้องชัดเจนหรือยัง? เพราะว่าบางทีถ้าร้องเสียงสูงแล้วเสียงไม่ถึง มันมี 2 กรณีคือ เสียงไม่ถึงเพราะลมไม่พอ กับอีกกรณีหนึ่งคือร้องไม่ถึง เพราะว่ามันสูงเกินเร้นจ์(Range)ของเสียงเราเกินไป เพราะฉะนั้นต้องเช็คให้ดีว่ามันเป็นเพราะอะไร แล้วก็แก้ไขที่สาเหตุนั้น ถ้าร้องไม่ถึง ร้องเพี้ยนหรือเสียงแตก เพราะว่าลมไม่พอ อาจจะเป็นเพราะว่าเบสิคของการใช้ลมหายใจเราผิด ต้องไปปรับแต่งตรงนั้นให้ได้ -------------------------------------------------------------------------------- 13. ทำยังไงเสียงของเราถึงจะใสและฟังเพราะ ไม่ตํ่าหรือสูงเกินไป ตอบ จริงๆการร้องเพลงมันต้องร้องตามเมโลดี้ ถ้าเมโลดี้มันต่ำหรือมันสูงก็ต้องร้องตามนั้น ทำยังไงให้เสียงใสตลอดเวลา ก็คงจะต้องอยู่ที่วิธีการรับประทานอาหาร สุขลักษณะ โภชนาการ แล้วก็การพักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกายให้เต็มที่ -------------------------------------------------------------------------------- 14. เวลาร้องคอรัสทำอย่างไร? ไม่ให้หลงไปกับ line ของเมโลดี้ ตอบ อันนี้ต้องฝึกที่ ear training นะคะ เพราะว่าถ้าประสาทรับฟังของเราดี ไม่ว่าจะมีเสียงอะไรมารบกวน เราก็จะไม่เป๋ไปตามเสียงนั้น ต้องฝึก ear training แล้วก็ต้องฝึกสมาธิในการร้องเพลง ซึ่งในการร้องเพลง เราต้องคิดหลายๆเรื่องพร้อมๆกัน เราจะต้องแยกประสาทส่วนต่างๆในการควบคุมตัวเองให้ได้ ถ้าเราฝึกตรงนี้ได้ มันจะช่วยให้เราร้องคอรัสได้ดีขึ้น แต่ที่สำคัญต้องเริ่มที่ ear training ก่อน -------------------------------------------------------------------------------- 15. หนูมีปัญหาอยากถามพี่ดังนี้ คือเวลาที่ร้องเพลง(หนูเป็นนักร้องและนักดนตรี) ขึ้นเสียงสูงมาก ๆ เมื่อก่อนจะร้องไม่ได้ ปัจจุบันร้องได้แล้ว แต่จะมีปัญหาว่า ตอนช่วงเย็นถึงหัวค่ำ จะร้องเสียงสูงไม่ค่อยได้ คือเหมือนกับเสียงจะแหบ แต่ว่ายิ่งดึก เสียงจะยิ่งใสขึ้นมากๆ คนอื่นมีปัญหาแบบนี้บ้างมั้ย หนูจะร้องเพลงตั้งแต่ช่วงสองทุ่มถึงเที่ยงคืน คืนหนึ่งร้องถึง 30 เพลงรวด มีเบรค 1 ชั่วโมง และอยากรู้เคล็ดลับที่ทำให้เสียงไม่แหบ ตอบ ถ้าเราใช้เสียงเยอะในช่วงกลางคืน ยิ่งดึกมันก็จะเหมือนคนทั่วไป คือตอนเช้าเพิ่งตื่นขึ้นมาเสียงจะแหบ แล้วเสียงมันจะค่อยวอร์มไปเรื่อยๆ คือค่อยๆทำงานไปเรื่อยๆ จนประมาณเที่ยงวัน พอถึงตอนเย็นเสียงมันก็จะใสเต็มที่ เพราะฉะนั้นถ้าน้องร้องเพลงกลางคืน น้องก็ต้องเปลี่ยนลักษณะการนอน การกินอยู่ เป็นนอนตอนกลางวันให้เต็มที่ เท่ากับคนทั่วไปที่เขานอนตอนกลางคืน แล้วตื่นขึ้นมาก็จะมีระยะเวลา ในการให้เสียงมันวอร์มอัพก่อน อาจจะพูดคุยกับเพื่อนให้เสียงมันเข้าที่ ก่อนที่จะไปทำงานตอน 2 ทุ่ม ไม่ใช่ว่าน้องตื่น 6 โมงเย็น แล้วรีบอาบน้ำ แต่งตัวไปทำงานตอน 2 ทุ่มเลย เสียงจะยังไม่มา มันต้องให้ระยะเวลาในการตื่น ในการให้เสียงมันวอร์มอัพก่อน จริงๆก็คือต้องเปลี่ยนวิธีการนอน เปลี่ยนวิธีการกินอยู่ ชีวิตประจำวันให้ต่างจากคนทั่วไป ถ้าไม่อยากให้เสียงแหบ หรือว่าใช้เสียงให้ถูกประเภท หายใจให้ถูกต้อง เบสิคในการร้องเพลงต้องถูกต้อง มันจะช่วยให้การร้องเพลงสบายขึ้น -------------------------------------------------------------------------------- 16. อยากทราบว่ารูปร่างมีผลต่อการร้องเพลงหรือไม่ ถ้าผมอ้วนนี่จะมีส่วนต่อการร้องเพลงหรือเปล่าครับ แล้วมีผลอย่างไรบ้าง ตอบ รูปร่างมีผลต่อการร้องเพลงอยู่แล้ว เพราะว่าเสียงในการร้องเพลง เกิดจาก 3 ส่วนในร่างกายของคนเรา ส่วนที่1 เราเรียกว่า เชสโทน คือทรวงอก ส่วนที่ 2 เราเรียกว่า เม้าธ์โทน คือโพรงปาก ส่วนที่ 3 เราเรียกว่า เฮดโทน คือโพรงสมอง ร่างกายของคนเรา สรีระแต่ละส่วนจะเป็นตัวกำหนดให้เสียงต่างกันไป อย่างเช่น ทรวงอก คนที่รูปร่างใหญ่จะร้องเสียงต่ำ มีพลังได้ดีกว่าคนที่ผอม หรือว่าคนที่มีโพรงสมอง อย่างเช่น พวกคนผิวดำหน้าผากเขาจะโหนกขึ้นมานิดหนึ่ง จะทำให้ช่วยในการร้องเสียงสูงได้ เพราะฉะนั้นสรีระร่างกายเป็นตัวกำหนดการร้องเพลง แต่จริงๆแล้วถ้าได้เรียนรู้หรือฝึกฝนเพิ่มเติม ก็จะช่วยยืดเร้นจ์ของเสียง หรือระดับระยะห่างของเสียงให้กว้างขึ้นได้ -------------------------------------------------------------------------------- 17. จะทำยังไงให้เสียงคงที่ ไม่แกว่งครับ ต้องทำไงดี ตอบ เก็บลมให้ดี และ Control เสียงด้วยลมจากกระบังลม -------------------------------------------------------------------------------- 18. ผมเรียนร้องเพลงเบื้องต้นอยู่ที่เชียงใหม่นะครับ ตอนนี้ใกล้จะจบคอร์สแล้ว แต่มีปัญหาว่าผม ร้องเพลงเสียงสูงๆ แล้วมักจะบีบเสียง ครูที่สอนบอกว่าผมเกร็งไป และเสียงผมชอบเป็นเสียง แฟลต จะทำอย่างไรดีครับ ช่วยแนะนำด้วย เพื่อการร้องเพลงของผมจะได้ไม่มีข้อผิดพลาดอีก ตอบ ร้องเสียงสูงต้องเปิดคอและ Swing เสียงไปที่ Head Tone ลองให้ครูช่วยด้วย -------------------------------------------------------------------------------- 19. อยากทราบว่าเราจะมี วิธีการร้องเพลงอย่างไรให้เสียงกว้างๆ ตอบ หมั่น Vocalize เสียง จะช่วยยืดให้เสียงกว้างขึ้น -------------------------------------------------------------------------------- 20. เคล็ดลับการรักษาเสียง เคล็ดไม่ลับในการรักษาเสียงและร้องเพลงคืออะไร ตอบ พักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ -------------------------------------------------------------------------------- 21. เทคนิคการร้องแบบใช้เสียงลม การร้องเเบบใช้เสียงลม ถือว่าเป็นการร้องที่ผิดวิธีรึเปล่าครับ เพราะว่าร้องแบบไม่เต็มเสียง เห็นนักร้องบางคนนำมาใช้กัน ตอบ เสียงลมถือเป็นเทคนิคอย่างหนึ่ง แต่ควรใช้เฉพาะบางคำในเพลงเท่านั้น ไม่ใช่ตลอดทั้งเพลง เพราะจะทำให้ไม่มีพลังและ Control เสียงลำบาก -------------------------------------------------------------------------------- 22. ทำอย่างไรถึงจะรู้เสียงจริงๆ ของตัวเอง เวลาร้องเพลงแล้วพยายามร้องให้เต็มเสียงทีไร คนที่บ้านก็จะบอกว่าฟังแล้วแสบแก้วหูบ้าง บอกว่าเราเสียงแหลมบ้าง แต่พอเราทำเสียงให้ soft ลงมาหน่อยเค้าฟังแล้วก็รู้สึกดีขึ้นนะคะ แต่หนูก็รู้สึกว่าพอขึ้นเสียงสูงแล้วเสียงจะเหมือนคนเป็นหวัดค่ะ ตอนนี้ก็เลยสับสนว่าควรร้องยังไงให้ฟังออกมาดูไพเราะน่ะค่ะ เพราะหนูเป็นคนค่อนข้างเสียงแหลมค่ะ ทำอย่างไรถึงจะรู้เสียงจริงๆของเราค่ะ ตอบ ใช้เทียบจากเสียงพูดตัวเองก่อน จะได้เสียงที่เป็นธรรมชาติที่สุดเวลาร้องเพลง -------------------------------------------------------------------------------- 23. เวลาร้องเพลงจะรู้ได้อย่างไรว่า ควรให้เสียงลงคอ หรือขึ้นจมูกอย่างไร มากน้อยเพียงใด หรือว่าเป็นเอกลักษณ์ของแต่ละคน ตอบ เวลาร้องเพลง เสียงไม่ควรจะขึ้นจมูก เพราะว่าเวลาเสียงขึ้นจมูก คอมันจะปิด พอคอปิดเสียงจะแบน เสียงที่เราต้องการในการร้องเพลงก็คือเสียงกลม เสียงที่มาจากกำบังลมของเรา ทีนี้ก็คลิกเข้าไปดูในเรื่องการออกเสียงที่ถูกต้องนะคะ เพราะฉะนั้นการร้องเพลงมีวิธีง่ายๆก็คือ อย่าเรียกเสียงขึ้นคอหรือขึ้นจมูกดีกว่า เรียกว่าเราควรอ้าปากให้กว้างมากที่สุดเท่าที่สระตัวนั้นควรจะออกเสียงแบบนั้น เพราะบางคนร้องเพลงไม่อ้าปาก เสียงจะขึ้นจมูกและเสียงแบน -------------------------------------------------------------------------------- 24. ร้องเพลงไม่ค่อยตรงคีย์ครับ ทำให้ไม่มั่นใจเลยเวลาจะต้องร้อง ต้องฝึกยังไงดีครับ ตอบ ปัญหาร้องเพลงไม่ตรงคีย์ คนที่ร้องไม่ตรงคีย์ควรจะฝึกกับเครื่องดนตรี เป็นกีต้าร์หรือเปียโนนะคะ โดยเฉพาะเปียโนจะช่วยได้มาก กดโน้ตทีละตัวแล้วก็พยายามร้องให้เสียงเราตรงกับโน้ตที่เราได้ยิน ฝึกไปเรื่อยๆอย่าเพิ่งไปรีบร้องเพลง ฝึกโน้ตแต่ละตัวก่อน แล้วเมื่อไรที่เราเริ่มชินเสียงที่เราได้ยิน ให้เปล่งเสียงตามเสียงที่เราได้ยินได้ เราจะเริ่มร้องถูกคีย์ได้มากขึ้น -------------------------------------------------------------------------------- 25. เป็นคนที่ชอบร้องเพลงมาก แต่พอมาร้องต่อหน้าคนอื่นหนูจะตื่นเต้นมาก ตอนนี้หนูก็พยายาม ร้องให้เพื่อนฟัง ก็พอจะร้องได้บ้าง แต่พอเวลามีงานทีไร พวกเพื่อนๆก็จะยุให้ขึ้นไปร้องบนเวที จะกลัวและตื่นเต้นจนร้องไม่ออก จะทำยังไงให้ร้องเพลงได้ และให้หายตื่นเต้นดี ตอบ จริงๆแล้วคนที่ชอบร้องเพลง ถ้าตื่นเต้นมาก วิธีการทำให้คลายความตื่นเต้น ก็คือทำสมาธิกำหนดลมหายใจเข้า-ออก แล้วก็ทำสมาธิให้จิตใจสงบลง ต้องเป็นคนที่ฝึกซ้อมบ่อย ๆ ถ้าเราไม่อ่อนซ้อม ถึงเวลาที่เราต้องแสดงออก หรือต้องประกวด หรือว่าอะไรก็แล้วแต่ เราจะมีความมั่นใจมากกว่าคนอื่นๆ และเราก็สามารถระงับความตื่นเต้นนั้นได้ http://community.thaiware.com/index.php/topic/292601-cooaoaaeiaaa/

เทพ บีท บ็อค คะ 5555 เจ๋งมาก

http://www.youtube.com/watch?v=a7xTN6OeQVg&feature=related

มาดูความเจ๋งของการประสานเสียงของวงนี้กันคะ

http://www.youtube.com/watch?v=YtBeGmA-8Rg&feature=related

วันนี้ มาหัดเล่นกีต้าร์กันนะคะ

http://www.youtube.com/watch?v=zICetQeeVrU

เรียนร้องเพลงกับครูแพมคนสวย กับการใช้กระบังลมคะ^^

http://www.youtube.com/watch?v=3CibkcUe3J8&feature=related

วันศุกร์ที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2555

สาวเสียงทรงพลังกับอายุแค่19 ร้องสดๆ Adele คะ

http://www.youtube.com/watch?v=LuXoLwPj9_A&feature=related

Haley Reinhart - You and I - American idol กับเวทีประกวดร้องเพลงระดับโลก สาวคนนี้เสียงมีเสน่ห์มากเลยคะ

http://www.youtube.com/watch?v=LJjvCpno_jY&feature=related

เข้าเส้นเสียงตัวเอง กับครูฟิล์ม คะ

http://www.youtube.com/watch?v=PTY4geDnYQ8&feature=related

มีวีดีโอ เทคนิคการหายใจ มาให้ได้ดูกันคะ

http://www.youtube.com/watch?v=P-0foF3bFHQ

ซิ้งเกิ้ลใหม่พร้อมมิวสิควีดีโอใหม่ จาก เจ้าแม่ อาร์ แอนด์ บี ลีเดีย

http://www.youtube.com/watch?v=FxiJdCo3c5U

มาซ้อมเต้นกับ สาวๆโอลีฟกันคะ

http://www.youtube.com/watch?v=OW_SqlmiylM&feature=related

เทคนิค การเปล่งเสียงร้องเพลงให้ไพเราะอย่างนักร้องอาชีพ

เครื่องดนตรีใน ตัวมนุษย์ เมื่อลมหายใจออก ผ่านกล่องเสียงที่อยู่บริเวณลำคอ จะทำให้สายเสียงสั่น เกิดเสียงในระดับ ต่างๆขึ้น ยิ่งเมื่อได้โพรงในลำคอและจมูกช่วยการสะท้อนเสียงด้วยแล้ว เส
ียง จะยิ่งมีกังวานมากขึ้น เสียงสูงๆต่ำๆ ที่เปล่งออกมาอย่างได้จังหวะนี้ จัดเป็นเครื่องดนตรีวิเศษสุดชิ้นหนึ่ง ที่มนุษย์สามารถบรรเลงได้โดยตัวเอง เสียงที่เปล่งออกมาได้อย่างแจ่มใส ตรงโน้ต มีกังวานชวนฟังนั้น ย่อมมาจากลมหายใจในช่องท้องจำนวนพอเหมาะที่จะทำให้ เสียงสั่นในความถี่ที่ต้องการ ในทางตรงข้ามถ้าลมไม่พอ เสียงที่ออกมาจะไม่สดใส บางทีอาจเพี้ยนไป การหายใจจึงเป็นเรื่องสำคัญ ไม่เพียงเป็นผู้ให้ชีวิตเท่านั้น แต่ยังเป็นขุมพลังมหาศาลแก่เครื่อง ดนตรีวิเศษชิ้นนี้อีกด้วย การหายใจแบ่งอย่างคร่าวๆ ได้เป็น 2 ช่วง ช่วงแรก หายใจก่อนร้องเพลง เอาลมไปเก็บไว้ในช่องท้องและปอด เพื่อเป็นแรงสำคัญในการร้อง วรรคแรกของเพลงให้จับใจผู้ฟัง ขณะร้องเพลงไปก็ผ่อนลมหายใจออกมาจนลมที่ เก็บไว้หมดไปทุกที ทำให้ต้องหายใจเอาลมครั้งใหม่เข้าไปอีก อีก ประการหนึ่งแม้ว่าลมจะยังไม่หมดแต่เราคงกลั้นลมหายใจนานๆไม่ได้ เพราะใน ช่วงนี้ร่างกายขาดออกซิเจน การหายใจขณะร้องเพลงจึงเป็นเรื่องหนีไม่พ้น จัดเป็น การหายใจที่สำคัญอีกประการหนึ่งที่ต้องกระทำกัน การฝึกการหายใจ แบ่งได้เป็น 3 จังหวะ จังหวะที่หนึ่ง สูดลมหายใจเข้า ให้ตรงดิ่งไปที่ช่องท้องก่อน แล้วค่อยขยายขึ้นสู่ปอด อกและหลังจะขยายกว้างขึ้น จังหวะที่สอง เป็นการอัดลมในช่องท้องโดยการเกร็งกล้ามเนื้อที่หน้าท้อง หรือโดยใช้การ บังคับของกล้ามเนื้อกระบังลมเพื่อให้เกิดความดันเพียงพอให้สายเสียงสั่นได้ นอก จากนี้ยังทำให้กระบังลมขยายตัวสูงขึ้นพลอยให้โพรงในลำคอกว้างขึ้น ยิ่ง เมื่อได้ริมฝีปากช่วยจะยิ่งได้เสียงที่ออกมาจากคอโดยตรงและมีกังวานใส เพราะ มีการสะท้อนในลำคอช่วยอีกแรงหนึ่ง จังหวะที่สาม เป็นการผ่อนลมหายใจ (ถ้าเป็นในขณะร้องเพลง จังหวะนี้จะเป็นจังหวะที่เสียงออกมา) ต้องควบคุม ด้วยกล้ามเนื้อกระบังลม อย่างสม่ำเสมอ ให้ลมออกมากน้อย ตามความดังค่อย ของเสียงที่ต้องการ ต้องคอยระวังไม้ปล่อยมากเกินไป มิฉะนั้นจะทำให้ลม หมดเสียก่อน หรือไม่ก็มีเหลือน้อยเกินกว่าจะสามารถประคองเสียงอยู่ได้จนจบประโยค ปัญหาที่มักพบกัน ก็คือปัญหาลมมาอัดอยู่ในคอจนเกิดอาการเกร็งร้องไม่ออก วิธีแก้ คือ ให้หมุนคอไปมา ลมจะออกมาบ้าง ช่วยให้สบายขึ้น การฝึกฝน การหายใจทั้ง 3 จังหวะนี้ ควรทำเป็นประจำทุกวัน โดยเริ่มทำช้าๆ ก่อน แล้วค่อยเร็วขึ้น อาจรู้สึกหน้ามืด เป็นเพราะมีเลือดฉีดขึ้นไปเลี้ยงสมองมากเกินไป ถ้าเป็นเช่นนั้น ก็ให้พักเสีย การฝึกหายใจอย่างสม่ำเสมอ เท่ากับเป็นการบริหารอย่างหนึ่ง ช่วย ให้กล้ามเนื้อกระบังลมแข็งแรงและมีพลังในการร้องเพลง เราควรเลือกหายใจตรงไหนดี บางคนเลือกหายใจทุกระยะที่รู้สึกติด ขัด คือลมหมดเมื่อไรก็หายใจเมื่อนั้น วิธีนี้เสี่ยงหน่อย ถ้าหยุดไม่ถูกที่ อาจทำให้เพลงขาดหายไปเฉยๆ ผู้ฟังหมดอารมณ์ต่อเนื่องไป อย่างน่าเสียดาย บางคนเลือกหายใจเอาที่ระยะหมดประโยคในเพลงซึ่งพอจะแก้ไข ข้อเสียของรายแรกได้ แต่ก็ไม่วายมีข้อติ คือ ถ้าผู้ร้องผ่อนลมหายใจตอนแรกมากเกินไป พอถึงตอนท้ายประโยคลมจะไม่พอ ทำเสียงเพี้ยนหรือเสียงแกว่ง หรือขาดหายไป ทำให้ไม่เพราะ นักร้องที่ฉลาด จะหาจุดหายใจในเพลงของตัวก่อนอย่าง อื่น และซักซ้อมไว้ให้ดีจนคนฟังจับไม่ได้ บางท่านหยุดหายใจพวกคำตายต่างๆที่ต้องลงท้ายด้วยแม่ กก กด กบ เพราะสระ พวกนี้มีเสียงสั้นไม่ต้องเอื้อน อีกที่หนึ่ง ได้แก่บริเวณท้ายประโยคแต่ละตอนของเพลง เราอาจหยุดหายใจสั้นๆก่อนตัวสุด ท้าย เพื่อจะได้มีพลังไว้ยืดโน้ตตัวสุดท้ายนั้น ทำให้เสียงฟังนุ่มนวล ขึ้น การฝึกหายใจ เป็นหลักสำคัญ ในการร้องเพลง เพราะ ลมที่ได้จากการหายใจแต่ละครั้ง หมายถึง ชีวิตและพลัง ควรที่ผู้สนใจทางด้านนี้จะฝึกฝนไว้จนเกิดความเคยชิน นอกจากนี้การร้องเพลงให้ได้ดี ยังต้องอาศัยองค์ประกอบอื่นอีกมาก เช่น สำเนียงร้องที่ชัด การใช้ปากกับการออกเสียง อารมณ์ ตลอดจนการทำเสียงให้ไพเราะโดยอาศัยการ เคลื่อนไหวของกราม การทำเสียงรัว ฯลฯ เป็นต้น หูของตัวจะเป็นครูที่ดีบอกให้รู้ว่า เสียงที่ออกมานั้น มีคุณภาพแค่ไหน หรือถ้าใครอยากให้คนอื่นช่วยฟังก็คง จะดียิ่งขึ้น แต่แม้จะเตรียม ลูกเล่นไว้มากมาย ถ้าไม่หายใจเตรียมพลังเสียอย่าง ลูกเล่นก็หมดความหมาย จาก จขกท. : สำหรับเรา วิธที่ดีที่สุดคือ "การร้องเพลงออกมาจากใจ" ขอให้ทุกคนมีความสุขกับเสียงอันไพเราะของตัวเองนะคะ BY::http://board.postjung.com/520093.html

ฟังเพลง Cover กันคะเสียงแอบคล้าย ต้นฉบับ

http://www.youtube.com/watch?v=F_n7uNZAL94&feature=g-all-u&context=G22ac2a7FAAAAAAAAZAA

หนุ่มน้อยคนนี้ เเชมป์ระดับโลก กับเพลงที่เป็นตำนาน Wonderful Tonight

http://www.youtube.com/watch?v=leAy6yzelm0&feature=related

การออกเสียงสระและพยัญชนะ

การออกเสียงสระและพยัญชนะ ในการร้องเพลง ความไพเราะของเพลงแต่ละเพลงนั้น ไม่ได้ขึ้นอยู่กับการที่นักร้องมีเสียงที่ไพเราะเพียงอย่างเดียว เพราะการร้องเพลงถือเป็นสิ่งสำคัญในการสื่อ ความหมายไปยังผู้ฟัง เพื่อให้ผู้ฟังเกิดอารมณ์คล้อยตามไปด้วยได้ เนื้อเพลงก็นับว่าเป็นปัจจัยสำคัญอีกปัจจัยหนึ่ง ที่สามารถถ่ายทอด ความหมายของบทเพลง ดังนั้นการที่นักร้องจะสามารถสื่อ ความหมายของบทเพลงไปยังผู้ฟังได้ จึงจำเป็นที่จะต้องรู้จักความหมายของเนื้อเพลงเป็นอย่างดี ทั้งควรจะเป็นผู้ที่สามารถสื่อคำได้อย่างชัดเจนถูกต้อง การออกเสียงสระ การให้ความสำคัญในการออกเสียงสระในคำ จะทำให้เกิดความชัดเจน ในคำ การทำความรู้จักกับสระ จะทำให้เราสามารถที่จะเลือกวิธีการ ออกเสียงได้ เพื่อเน้นให้คำนั้นยาว หรือสั้น โดยที่ไม่ผิดความหมาย และเกิดความไพเราะ เช่น คำว่า "มา" เป็นคำที่เกิดจากพยัญชนะ ม. ม้า และสระ อา ดังนั้นเมื่อเราต้องการลากเสียงให้ยาว เราจะต้องลาก เสียงที่สระ "อา" หรือ คำว่า "เดียว" เกิดจากพยัญชนะ ด. เด็ก และ สระ อี+อา+อู หากต้องการลากเสียง คำว่าเดียวให้ยาว เราจะสามารถเลือกได้ว่าจะลากอย่างไรให้เกิดความไพเราะ อาจเป็น "ด+อี+อา..........+อู" ก็ได้ หรืออาจเป็น "ด+อี............+อา+อู" หรือ "ด+อี....... +อา....+อู" แต่ไม่ควรเป็น "ด+อี+อา+อู...................." เพราะการที่เราเลือก ที่จะลากสระตัวสุดท้ายตัวเดียว โดยไม่ได้ใส่ใจกับสระในคำที่มีถึง 3 ตัว นั่นย่อมหมายถึงการไม่ใส่ใจรายละเอียดของบทเพลง เพราะคำหนึ่งพยางค์ที่มีสระให้เลือกใช้มากกว่า 1 ตัว ย่อมต้องการให้เราใช้สระในคำให้มากที่สุด การวิเคราะห์การออกเสียงสระ นอกจากจะได้คำที่ชัดเจนแล้ว ยังเป็นการเปิดโอกาสให้เราสามารถ "สร้างภาพ" ในขณะร้องเพลงได้อีกด้วย เพราะคำบางคำเราสามารถยิ้มไปด้วย ในขณะร้องได้ เพื่อให้ดูสวยงาม และสอดคล้องกับความหมายของบทเพลง ในขณะที่ขับร้อง เราไม่สามารถที่จะบอกได้ว่าควรจะอ้าปากแค่ไหน เพื่อให้ได้เสียงสระ ที่ชัดเจนและรูปปากดูสวยงาม ดังนั้นจึงขอแทนค่าการใช้ริมฝีปาก และขากรรไกรในขณะเปล่งเสียงด้วยตัวเลข 1-4 ซึ่ง 4 หมายถึงการใช้อวัยวะส่วนนั้นๆอย่างเต็มที่ และลดลงเรื่อยๆตามค่าของตัวเลข เช่น ริมฝีปาก = 4 หมายถึง การเปิดริมฝีปากให้กว้าง โดยการยิ้มแบบยกมุมปาก ให้เห็นโหนกแก้ม, ขากรรไกร = 4 หมายถึง การเปิดขากรรไกร ให้กว้างโดยการอ้าปากมากๆ ตารางแสดงการทำงานของริมฝีปากและขากรรไกร สระ ริมฝีปาก ขากรรไกร อี 4 1 เอ 4 2 แอ 4 3 อา 4 4 ออ 3 4 โอ 2 4 อู 1 4 การออกเสียงพยัญชนะ ถ้าเปรียบสระเหมือนเนื้อหนังพยัญชนะก็เปรียบเหมือนกระดูก หมายถึงสิ่งที่ต้องอยู่คู่กัน ความสำคัญของการใช้สระและ พยัญชนะเป็นสิ่งที่เท่าเทียมกัน ในหลักการออกเสียงนั้น หากเราเน้นพยัญชนะมากเกินไป อาจทำให้คำที่พูดออกมา เกิดความกระด้าง เสียงขึ้นจมูก หรือลงคอ อาทิ "น" "ม" "ง" "ต" เป็นพยัญชนะที่เป็นนาสิกโทน หรือเสียงขึ้นจมูก ซึ่งไม่ควรออกเสียงเน้นที่พยัญชนะนั้น เป็นเวลานาน เพราะจะทำให้เสียงที่ได้ออกมาเป็นเสียง ขึ้นจมูก ในเพลงสากลการออกเสียงเป็นสิ่งที่สำคัญ และยากมาก เพราะมีลักษณะการใช้งานไม่เหมือนภาษาไทย มีการใช้อวัยวะส่วนปาก ฟัน ลิ้น ผิดจากพยัญชนะในภาษาไทย เช่น "V" คำว่า "van" คนไทยหลายคนอ่านว่า "แวน" แต่คำว่า Volk (รถยนต์ยี่ห้อหนึ่ง) คนไทยกลับอ่านว่า "โฟล์ค" เลยไม่รู้ว่าควรอ่านตัว "V" โดยใช้พยัญชนะตัวไหน ซึ่งแท้ที่จริงแล้วพยัญชนะตัว "V" เวลาออกเสียงเป็นภาษาไทย ต้องออกเป็นตัว "ฟ+ว" ควบกล้ำกัน เป็นต้น เทคนิคการร้องเพลงร้องเพลงมีสิ่งที่ต้องคำนึงถึงมากมาย ซึ่งถ้าเราเรียนรู้องค์ประกอบต่างๆแล้ว ก็สามารถที่จะนำมาใช้ ในบทเพลงได้ การที่จะร้องเพลงสักเพลงหนึ่ง การควรที่จะ ศึกษาบทเพลงนั้นๆ ด้วยความละเอียดอ่อน อาจจะร้องทีละวรรค พิจารณา ความหมาย, ทำนอง, จังหวะ รวมไปถึงอารมณ์ ของบทเพลง การฝึกซ้อมกัยบทเพลงจริงๆนั้น เป็นสิ่งที่จำเป็น อย่างมาก เพราะถือเป็นการนำสิ่งที่เราสามารถเรียนรู้ได้ จากทฤษฎี มาฝึกปฏิบัตให้เกิดความเคยชิน สามารถนำเทคนิคต่างๆ มาใช้ได้อย่างสมบูรณ์ยิ่งขึ้น ทั้งนี้ครอบคลุมไปถึง ความถูกต้องในการใช้สระและพยัญชนะ ในภาษา การควบคุมลมหายใจ การสร้างพลังในการขับร้อง การควบคุมระดับความสูงต่ำของเสียงไม่ให้เพี้ยน คุณภาพของเนื้อเสียง ความหนัก-เบา ในการใช้น้ำเสียง ขั้นตอนในการต่อเพลง 1. อ่านเนื้อเพลงทั้งหมดก่อน และทำความเข้าใจกับความหมาย ของเนื้อร้องโดยละเอียด ว่ามีอารมณ์อย่างไร เศร้า สุข สนุกสนาน ซึ่งการอ่านเนื้อเพลง จะทำให้เราสามารถเลือกใช้น้ำเสียง tone เสียงให้เหมาะกับบทเพลงได้ 2. ฟังทำนองของบทเพลง เพื่อให้เกิดความเคยชิน และสามารถรับรู้ได้ ถึงความหนักเบาของบทเพลง ในแต่ละท่อนได้ เพื่อให้เราสามารถ เลือกใช้ และกำหนดความหนัก-เบา (Dynamic) ของน้ำเสียงได้ 3. หา Form ของเพลงในแต่ละเพลงว่ามีลักษณะอย่างไร มี Intro,Solo,Ending กี่ห้อง มีการจัดวางท่อนของบทเพลงอย่างไร เพลงที่จะร้องเป็นคีย์ใด มีระดับเสียงสูงหรือต่ำเหมาะสมกับเสียง ของเราหรือไม่ 4. ซ้อม-เก็บรายละเอียดต่างๆ ที่จำเป็นในการร้องเพลง อาทิ การหายใจ น้ำเสียง เพื่อที่จะนำมาใช้จริงในบทเพลง เพื่อให้ได้การฝึกซ้อมอย่างมีประสิทธิภาพการขับร้องเพื่อ ให้ได้เสียงที่มีคุณภาพ การขับร้องให้ได้เสียงที่มีคุณภาพนั้น หมายถึง การขับร้องให้ได้เสียงที่ชัดเจน ทั้งระดับเสียงที่คงที่ ไม่แกว่ง ระดับความสูงต่ำของโน้ตที่ถูกต้องตามเมโลดี้ การควบคุมจังหวะในการร้องเพลง ความหมายที่ถ่ายทอดออกมา ฯลฯ การสร้างเสียงให้ได้คุณภาพนั้นเราสามารถทำได้โดย เน้นให้เสียงแต่ละเสียงที่ถูกเปล่งออกมาเป็นไปตามขั้นตอนดังนี้ 4.1.ขณะที่เราร้องเพลง ควรรู้สึกว่าเสียงที่เปล่งออกมานั้น ให้ความรู้สึกที่พุ่งออกไปข้างหน้า (Projection) และมีจุดรวมกันอยู่ ณ ที่ใดที่หนึ่งบนบริเวณใบหน้า หรือส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกาย (Registration) แล้วแต่ Tone ของเสียงที่เราจะเปล่งออกมา Registration ของเสียงจะเปลี่ยนไปตาม Tone ของเสียงนั้นๆ แต่ควรระวังไม่ให้ Registration ของเสียงไปตกอยู่ที่ลำคอหรือจมูก เพราะจะทำให้เกิด อาการเกร็งไปโดยอัตโนมัติ ทำให้เสียงที่ได้เกิดความกระด้าง ไม่น่าฟัง 4.2. ควรยืนให้ลำตัวตรง (Hold body) หลังตรง ยืดอก ไหล่ผาย หน้าตรง ไม่เกร็งส่วนใดส่วนหนึ่ง เพื่อให้ปอด กระบังลม ลำคอ ปาก ลิ้น ขากรรไกร ทำงานได้อย่างสะดวก ปกติ และเต็มประสิทธิภาพ และนอกจากนี้ ยังเป็นการเสริมให้เรา เป็นนักร้องที่มีบุคลิกภาพที่ดีอีกด้วย 4.3.คิดถึงบรรยากาศ สร้างจินตนาการ (Imagination) ตามความหมายของเนื้อเพลงเพื่อให้เสียงที่เปล่งออกมา สามารถสื่ออารมณ์ได้อย่างมีชีวิตชีวา 4.4 ถ่ายทอดอารมณ์ตามบทเพลง เพลงแต่ละเพลง จะแสดงออกถึงความรู้สึกของผู้ประพันธ์เพลงต่างกัน ผู้ขับร้องจึงควรถ่ายทอดอารมณ์จากบทเพลงให้ถูกต้อง ตามความหมายของบทเพลงแต่ละเพลง เพลงรักก็ต้องร้อง ให้อยู่ในอารมณ์รัก สามารถใช้น้ำเสียงสื่อถึงความหมาย และอารมณ์ของบทเพลง ทำให้ผู้ฟังเกิดความรู้สึกคล้อยตามได้ ดังนั้นก่อนที่นักร้องจะเริ่มทำการขับร้อง จึงควรศึกษาความหมาย ของบทเพลง ให้เกิดความเข้าใจแจ่มแจ้ง เพื่อที่จะสามารถขับร้อง ออกมา ได้ตามความหมายของบทเพลง BY:::http://music.pwa.co.th/st/index.php?option=com_content&view=article&id=112:2008-08-24-07-50-09&catid=59:2008-08-24-06-58-05&Itemid=83

ฟังสบายๆคะ กีต้าร์ตัวเดียวก็เพราะได้^^

http://www.youtube.com/watch?v=GKMSUndTZVw

วันพฤหัสบดีที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2555

การใช้ไมโครโฟน

คุณเคยสังเกตไหมครับว่าคุณถือไมโครโฟนอย่างไร ทดสอบไมโครโฟน ว่าเปิดหรือยัง ใช้ได้รึเปล่าด้วยวิธีไหน หลายคนอาจเห็นเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่ผมบอกได้เลยว่าไม่เล็กอย่างที่คิดหรอกนะครับ 4 เรื่องที่คุณควรเลิก ทำระหว่างการใช้ไมโครโฟน 1. หากคุณทดสอบไมโครโฟนด้วยการบรรจงเคาะลงที่หัวไมค์สัก 2-3 ที เพื่อความมั่นใจว่ามันใช้งานได้ จงเลิกซะ เพราะการกระทำเช่นนั้นถือเป็นการ ผิดมารยาทมากสำหรับการเป็นนักร้อง เพราะมันอาจจะทำให้ตัวรับสัญญานเสียง ของไมโครโฟนเสียได้ นอกจากนั้นยังทำให้เกิดเสียงดัง "ปุ๊กๆๆๆ" เป็นที่ น่ารำคาญแก่ผู้ฟังเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะคนที่อยู่ใกล้ๆเครื่องขยายเสียง 2. หากคุณถือไมโครโฟนอยู่ใกล้หรือไกลปากจนเกินไป จงเปลี่ยนซะ คุณควรถือไมโครโฟนโดยให้ระยะห่างจากปากประมาณ 2-3 นิ้วมือ เพราะนั่นคือระยะที่ไมโครโฟนที่มีคุณภาพปานกลางขึ้นไป จะสามารถ รับเสียงได้ดีที่สุด ให้เสียงที่ดังพอประมาณ ได้เนื้อเสียงที่ใกล้ความเป็นจริง มากที่สุด หากถือไมค์ใกล้ปากจนเกินไป อาจทำให้เสียงที่ได้ออกมามีลักษณะ ทุ้มและดังจนเกินไป อีกทั้งน้ำลายของคุณที่กระเด็นออกไปแปะที่ไมโครโฟน อาจทำให้เกิดความชื้นและเกิดเชื้อราที่ฟองน้ำที่ถูกบุอยู่ภายในหัวไมโครโฟน ทำให้ไมโครโฟนเสียได้ง่าย หรือถ้าไม่เสียคนที่ร้องต่อจากคุณคงเหม็นน่าดู หากถือไมค์ไกลปากจนเกินไปอาจทำให้เสียงที่ได้เบาและบางจนเกิดเหตุ 3. หากคุณถือไมโครโฟนแล้วยกท่อนล่างของมันขึ้นมาสูงๆ จงลดมันลงมา ให้อยู่ในระดับเฉียงลงประมาณ 45 องศา เพราะคุณรู้มั๊ยว่าการยกท่องล่างของ ไมโครโฟนขึ้นมาสูงๆ นอกจากมันจะไม่เท่ห์แล้ว มันยังบังหน้าตาอันสวยงาม หรือหล่อเหลาของคุณอีกด้วย คงไม่มีใครอยากฟังเสียงอันไพเราะของคุณไป มองไมโครโฟนไปเป็นแน่ 4. หากคุณเป็นคนที่ชอบดึงสายไมโครโฟนมาพันๆๆๆๆๆ แล้วก็พันไว้ที่มือ ของคุณเมื่อยามคุณเขินล่ะก็ จงปล่อยสายซะ เพราะเมื่อเวลาที่คุณยืนอยู่บนเวทีนั้น สายตาทุกคู่กำลังจ้องมองคุณอย่างสนใจ หูของเค้ากำลังรอฟังเสียงอันไพเราะจากคุณ แต่ถ้าเผอิญเค้าเหลือบไปเห็นมือของคุณอีกข้างหนึ่งที่ไม่ได้ถือไมค์ กำลังหยิบสาย ไมโครโฟนมาพันเล่นอย่างสนุกสนาน ขยำๆๆๆ แล้วก็พันๆๆๆ คุณลองคิดดูสิว่า หลังจากนั้นสายตาทุกคู่จะมองไปที่ไหน..... หากคุณรู้ตัวว่าสาเหตุที่คุณทำเช่นนั้น เป็นเพราะคุณเขินจนไม่รู้จะทำอะไรกับมือข้างที่เหลือนั้น จงปล่อยมันไว้นิ่งๆ รอจังหวะคำร้องที่สามารถสื่อความหมายด้วยภาษาร่างกายได้ แล้วจงทำซะ เช่น ยื่นมือ-ผายมือออกไป เมื่อร้องคำว่า "เธอ" ดึงมือกลับมาทำท่ากำไว้ที่หน้าอก เมื่อร้องคำว่า "หัวใจ" ฯลฯ สารพัดวิธีที่คุณจะใช้มัน หลังจากที่คุณทำท่าทางตามนั้น แล้ว มันยังมีประโยชน์ตามมาอีกมากมาย เช่น คุณสามารถสื่อความหมายของบทเพลง ได้เพิ่มอีก 1 ทาง ด้วยภาษาร่างกาย, ลดความประหม่า ฯลฯ จากนั้นเมื่อคุณจะเดินไป ยังจุดต่างๆบนเวที คุณสามารถใช้มือจับที่สายไมค์แล้วรูดมันไปอย่างช้าๆ นิ่มนวลที่สุด แล้วจับมันหลบไปให้พ้นทางเดินของคุณ เพียงเท่านี้ คุณก็สามารถที่จะเดินได้อย่าง http://music.pwa.co.th/st/index.php?option=com_content&view=article&id=134:2008-09-24-14-32-09&catid=59:2008-08-24-06-58-05&Itemid=83 สง่าผ่าเผย มือของคุณจะไม่ว่างพอที่จะพันสายไมโครโฟนเล่นอีกต่อไป

ชอบเป็นพิเศษ คะ เพลงนี้เลยเอามาให้ฟัง

Credit by: http://www.youtube.com/watch?v=DtXr0pIRSg4

การร้อง.Beat Box

http://www.youtube.com/watch?v=inkxV9L_NGo&feature=g-all-lik&context=G2c06944FAAAAAAAADAA

สิ่งที่นักร้องควรทราบ

สิ่งที่นักร้องควรทราบ 1.คุณมี Range เสียงกว้างขนาดไหน หมายถึง คุณควรทราบว่าเสียงของคุณ มีระดับความกว้างของเสียงมากแค่ไหน ระดับความกว้างของเสียง ในที่นี้ หมายถึงระดับเสียงตั้งแต่ต่ำที่สุด จนไปถึงสูงที่สุดของคุณนั้น อยู่ในระดับ เสียงจากโน้ตตัวไหนไปถึงตัวไหน เพื่อที่คุณจะสามารถทราบได้ว่าเสียง คุณอยู่ในระดับมาตรฐานทั่วๆไปหรือไม่ โดยปกตินั้น เท่าที่ผมได้มีโอกาส ทดสอบนักเรียนที่ผมเคยสอนทั้งหมดตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน พบว่า เพศชายนั้น ค่าเฉลี่ยระดับความกว้าง (Range) ของเสียง จากต่ำที่สุดจนถึงสูงที่สุด จะอยู่ระหว่างโน้ตตัว Chest Tone E (โน้ตตัว "มี" ที่ต่ำกว่า C กลาง) <----------->Middle C Mouth Tone Middle C <---------->C------->G (โน้ตตัว "ซอล" ที่สูงกว่า C กลาง 1 Octave) Head ToneG(โน้ตตัว "ซอล" ที่สูงกว่า C กลาง 1 Octave) <-------------------->C---->G เพศหญิงนั้น ค่าเฉลี่ยระดับความกว้าง (Range) ของเสียง จากต่ำที่สุดจนถึงสูงที่สุด จะอยู่ระหว่างโน้ตตัว Chest ToneE (โน้ตตัว "มี" ที่ต่ำกว่า C กลาง) <----------->Middle C Mouth Tone Middle C(โน้ตตัว C กลาง) <---------->C (โน้ตตัว "โด" ที่สูงกว่า C กลาง 1 Octave) Head Tone C (โน้ตตัว "โด" ที่สูงกว่า C กลาง 1 Octave) <-------------------->C---->G จากหัวข้อนี้ทำให้เห็นว่าการรู้ทฤษฎีโน้ตพื้นฐานเป็นสิ่งจำเป็น เพื่อที่เราจะได้ สามารถตรวจสอบระดับเสียงของเราด้วยตัวเองได้ เมื่อตรวจสอบแล้ว หลานคนคงอยากถามว่า ได้อะไรจากการตรวจสอบระดับเสียงของตัวเอง นอกจากแค่ทำให้เราทราบระดับความสามารถของตัวเองแล้วนั้น การทราบระดับเสียงของตัวเอง ทำให้เราสามารถทราบได้ว่า เพลงลักษณะ ไหนเหมาะกับเรา นักร้องคนใดที่มีระดับเสียงใกล้เคียงเรา ทำให้เรา สามารถเลือกเพลงที่จะร้องได้อย่างเหมาะสม ทั้งยังสามารถสื่อสาร กับนักดนตรีได้ว่า เสียงเราอยู่ในระดับใด ฯลฯ 2. คุณใช้ระดับความดังของเสียงได้เหมาะสมหรือไม่ นักร้องบางคน ไม่เคยสนใจระดับความดังของเสียง ที่ตัวเองร้องออกไปเลยแม้แต่น้อย ทำให้เพลงที่ร้องออกมาไม่มีคุณภาพ การร้องเพลงโดยคำนึงถึง ความดัง-เบา ของเสียงอย่างเหมาะสม (Dynamic) ทำให้บทเพลงที่ร้องออกมาเกิดความไพเราะขึ้นได้ เพราะว่า เมื่อเราร้องโดยมีการจัดระดับความดัง หรือเบา ของน้ำเสียง ในแต่ละเพลงอย่างเหมาะสม ตามความหมายของคำร้อง และตามท่วงทำนองของดนตรีนั้น จะทำให้บทเพลงที่ขับร้องออกมา มีความหนัก-เบา ของอารมณ์ มีลักษณะคล้ายคลื่น ที่ต้องมีขึ้นมีลงเสมอ ทำให้เพลงไม่ดูจืดชืด แข็งกระด้างเป็นเส้นตรงที่ไร้ความรู้สึก 3. คุณใช้ระดับความสูง-ต่ำของเสียงได้เหมาะสมหรือไม่ การร้องเพลงโดยรู้จัก การเล่นระดับความสูง-ต่ำของเสียงอย่างเหมาะสมนั้น จะทำให้บทเพลง ที่เราขับร้อง มีเสน่ห์ การใช้น้ำเสียงให้เหมาะสมกับความหมายของบทเพลง เป็นเรื่องที่จำเป็นอย่างยิ่ง ดังนั้นการวิเคราะห์ความหมายของบทเพลง จึงนับเป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่ทำให้นักร้องสามารถถ่ายทอดอารมณ์ผ่านบทเพลง ไปยังผู้ฟังได้ เมื่อวิเคราะห์ความหมายอย่างละเอียด เราจะทราบว่าคำร้องแต่ละคำ มีความหมายที่แตกต่างกัน การดึงเอาระดับเสียงที่สูงหรือต่ำ มาใช้อย่างเหมาะสม จะทำให้บทเพลงอันทรงคุณค่าทั้งหลาย เพิ่มคุณค่ามากยิ่งขึ้นด้วยน้ำเสียงของเรา

การประกวด รายการหนึ่ง สังเกตุการใช้เสียงคะ

http://www.youtube.com/watch?v=aYQDgDpyt8s&feature=fvst

วิธีการดูแลเส้นเสียง

วิธีการดูแลรักษาเสียง 1. การพักผ่อนอย่างเพียงพอ ปัจจัยสำคัญที่ทำให้เสียงของเรามีคุณภาพ ในแต่ละวัน ควรนอนพักผ่อนอย่างน้อย 6-8 ชั่วโมง 2. ไม่ดื่มสุรา/ของมึนเมา การดื่มสุราจะทำให้เส้นเลือดฝอยบริเวณเส้นเสียง เกิดการขยายตัว ซึ่งอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เส้นเลือดฝอยบริเวณเส้น เสียงแตกได้ 3. ไม่ควรสูบบุหรี่หรือสิ่งเสพติดใดๆ เพราะการสูบบุหรี่จะทำให้สารนิโคติน มาเคลือบบริเวณช่องคอ ทำให้เกิดการระคายคอได้ 4. ควรดื่มน้ำมากๆ โดยเฉพาะการดื่มน้ำอุ่นผสมเกลือเล็กน้อย จะช่วยให้ รู้สึกชุ่มคอ 5. ควรหลีกเลี่ยงการดื่มนมก่อนการร้องเพลง เพราะน้ำนมจะไปเคลือบ เป็นเมือกบริเวช่องคอ ทำให้เกิดอาการระคายคอ 6. ในกรณีที่เป็นหวัดและเกิดอาการ "ไอ" หรือมีอาการเกี่ยวกับการอักเสบ ในช่องคอ ไม่ควรใช้เสียงมาก ควรหลีกเลี่ยงการไอเพราะ "การไอ" จะทำให้เส้นเสียงบีบตัวเพื่อกั้นลม ก่อนที่จะสะบัดและกระทบกัน อย่างรุนแรง ทำให้เกิดอาการระคายคอได้ง่าย หากรู้สึกระคายคอจน เลี่ยงไม่ได้ควรใช้การกระแอมช่วย ควรหยุดการใช้เสียงถ้าเป็นไปได้ เพราะการใช้เสียงมากๆ ขณะเกิดการอักเสบในช่องคอ อาจทำให้เกิด ตุ่มบริเวณเส้นเสียง ส่งผลให้เสียงของเราเปลี่ยนไปอย่างถาวร หรืออาจเกิดมะเร็งในบริเวณเส้นเสียงได้ 7. เมื่อมีเสมหะอยู่ในลำคอ ไม่ควรขากแรงๆ เพราะจะทำให้เส้นเสียงเกิดการ บีบตัวและสะบัดมากระทบกันอย่างรวดเร็วและรุนแรง ส่งผลให้เกิดการ ระคายคอมากขึ้น และอาจทำให้เกิดการอักเสบได้ ควรดื่มน้ำให้มากๆ เพื่อให้เสมหะเหลวและหลุดจากช่องคอได้ง่าย 8. หากเกิดความรู้สึกระคายเคืองในบริเวณช่องคอ ควรรีบปรึกษาแพทย์ เพราะการปล่อยทิ้งไว้อาจทำให้เส้นเสียงเกิดการอักเสบมากยิ่งขึ้น 9. ยาอมชนิดต่างๆที่ช่วยลดอาการระคายคอ อาจเป็นสาเหตุให้ช่องคออักเสบ มากยิ่งขึ้นได้ เพราะการอมยาอมชนิดต่างๆ ที่ช่วยลดอาการระคายคอ จะทำให้ช่องคอรู้สึกโล่ง สบาย บางยี่ห้ออาจทำให้รู้สึกชา ทำให้เรารู้สึกว่า สบายขึ้น ดีขึ้น ซึ่งหากเราใช้เสียงในขณะนั้น จะทำให้เส้นเสียงยิ่งเกิดการ อักเสบมากยิ่งขึ้น เพราะช่องคอที่ชา ไม่ระคายเคือง ทำให้เราไม่สามารถ ทราบได้ว่าที่จริงแล้วช่องคอของเราอักเสบเพียงใด ดังนั้น เมื่ออมหรือทานยา ที่ช่วยลดอาการระคายคอ จึงควรระลึกไว้อยู่เสมอว่าควรลดการใช้เสียง ตามไปด้วย http://music.pwa.co.th/st/index.php?option=com_content&view=article&id=108:2008-08-24-07-03-17&catid=59:2008-08-24-06-58-05&Itemid=83

เสียง

เสียง เครื่องดนตรีประจำตัวที่มนุษย์ทุกคนต้องมีติดตัว เพราะอวัยวะในการเปล่งเสียง เป็นสิ่งที่มนุษย์ทุกคนมีอยู่โดยธรรมชาติ การร้องเพลงก็เหมือนกับการเล่นดนตรี เสียงของคนเราก็เปรียบเสมือนกับเครื่องดนตรี การเล่นดนตรีจำเป็นอย่างยิ่งที่จะ ต้องมีการ ฝึกฝนพื้นฐาน วิธีเล่น เทคนิคการเล่นต่างๆ การที่จะเป็นนักร้องที่ดีได้นั้น เราจำเป็นที่จะต้องใช้เวลาฝึกฝนมากพอสมควร ประสบการณ์ที่ได้รับจากการฝึกฝนนั้น จะเป็นบันไดที่จะนำพาเราไปสู่ความสำเร็จในการพัฒนาตนเอง ไม่ว่าจะนำไปประกอบ อาชีพการร้องเพลงเป็นนักร้องในวงการบันเทิง หรือนักร้องประกวด เสียงของคนเราเกิดจากอะไร เสียงของคนเราเกิดจากอวัยวะส่วนลำคอ ซึ่งส่วนลำคอของมนุษย์นั้น ประกอบด้วย หลอดเสียง หรือกล่องเสียง (Larynx) ซึ่งอยู่ที่ลำคอบริเวณที่เราเรียกว่าลูกกระเดือก (Adam's apple) อยู่เหนือท่อหลอดลม (Trachea) และใต้ท่อช่องคอ (Pharynx) กล่องเสียงประกอบด้วยกระดูกอ่อนหลายชิ้น ซึ่งยึดติดกันได้ด้วยกล้ามเนื้อ, เอ็นสายเล็กๆ และพังผืด ทำหน้าที่เกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของกล่องเสียง ภายในกล่องเสียงจะมีช่องว่างเล็กๆที่เรียกว่า Laryngeal Cavity ซึ่งจะมีแผ่นเนื้อเยื่อ บางๆ 2 เส้นยื่นออกมาเหมือนปีก 2 ข้างของหลอดลม ความยาวประมาณครึ่งนิ้ว ขึงจากหน้าไปหลังซึ่งเรียกว่า เส้นเสียง (Vocal Cord) ซึ่งมีความยืดหยุ่น สามารถปรับ ให้หย่อน ตึง หรือเปลี่ยนรูปได้ เสียงเกิดจากการหายใจ โดยจะต้องหายใจโดยผ่านทั้งทางจมูกและปากพร้อมกัน ทั้ง 2 ทาง โดยหายใจผ่านทางจมูกประมาณ 20 % และผ่านทางปาก ประมาณ 80 % เพราะการหายใจทางปากนั้น สามารกเก็บลมได้มากกว่าและเร็วกว่าการหายใจทางจมูก เพียงทางเดียว อากาศที่หายใจเข้าไปจะเข้าสู่ปอด กระบังลมจะยืดตัว ดันอวัยวะภายใน ช่องท้องให้ลงต่ำ เพื่อที่จะได้เก็บลมไว้ได้มากๆ เมื่อเราหายใจออก กระบังลมจะต้อน อากาศเหล่านี้ผ่านทางช่องจมูกหรือปาก ซึ่งในขณะที่แรงลมถูกปล่อยออกมาจากปอด ผ่านหลอดลมและเชื่อมต่อไปยังบริเวณเส้นเสียงนั้น เส้นเสียงจะถูกแรงลมดันให้เกิด การสั่นสะเทือน จนทำให้เกิดเป็นคลื่นเสียงสูงๆต่ำๆ ขึ้นมา จากนั้นเสียงจะถูกปรับแต่ง เป็นคำพูดหรือเสียงร้อง และเกิดความก้องกังวาน โดยอวัยวะต่างๆภายในช่องปาก เช่นเพดานเหงือก ลิ้น ฟัน ริมฝีปาก รวมไปถึงโพรงในช่องปากและจมูกด้วย เส้นเสียงของคนเราหากจะเปรียบเปรย ก็ไม่ต่างจากไวโอลินสักเท่าไหร่ เพราะไวโอลินจำเป็นต้องมีคันชักสำหรับสี เพื่อให้เกิดเสียง เส้นเสียงของคนเรา ก็จำเป็นที่จะต้องมีลมหายใจ มาสั่นสะเทือนเพื่อให้เกิดเสียงเช่นเดียวกัน ส่วนช่องคอ, กล่องเสียง ,ช่องปาก,ทรวงอก และศรีษะ ก็เปรียบได้เสมือนกับ ตัวไวโอลินที่มีหน้าที่ ทำให้เสียงที่ได้นั้นเกิดความก้องกังวาน นอกจากการหายใจ การใช้กล่องเสียงและ เส้นเสียงแล้ว ยังมีอวัยวะต่างๆที่เป็นส่วนประกอบสำคัญในการร้องเพลง อีกมายมาย เช่น ลิ้น ริมฝีปาก เพดานปาก ขากรรไกร และฟัน ก็เป็นส่วนประกอบในการทำให้ คำร้องเกิดความชัดเจน การเป็นนักร้องนั้น นอกจากจะต้องรู้จักวิธีการผลิตเสียงออกมา ให้ได้คุณภาพแล้ว ยังจำเป็นที่จะต้องเข้าใจถึงคำร้อง และมีความสามารถ ที่จะถ่ายทอดคำร้องในบทเพลงนั้นๆผ่านน้ำเสียงและท่าทางการแสดงออก ได้อีกด้วย ปัจจัยที่ทำให้เกิดเสียงพูดและเสียงร้องที่ดีได้แก่ 1. อวัยวะในระบบต่างๆของร่างกาย มีการทำงานที่ประสานและสมดุลย์กัน 2. ระบบประสาทต่างๆทำงานกันด้วยความสัมพันธ์ 3. ต่อมไร้ท่อและฮอร์โมนมีความสมดุลย์ 4. สุขภาพร่างกายสมบูรณ์ รวมถึงกล่องเสียงและเส้นเสียง 5. ภาวะอารมณ์และจิตใจเป็นปกติ 6. มีพฤติกรรมการใช้เสียงที่ถูกต้อง 7.สภาพแวดล้อมที่เหมาะสม เสียงพูดปกติของคนเราจะมีความแตกต่างกันตามเพศและวัย โดยจะมีค่าประมาณคร่าวๆ คือ ชาย 128 Hz หญิง 225 Hz เด็ก 265 Hz http://music.pwa.co.th/st/index.php?option=com_content&view=article&id=109:2008-08-24-07-20-38&catid=59:2008-08-24-06-58-05&Itemid=83

Part of Me - Katy Perry (cover) Megan Nicole

http://www.youtube.com/watch?v=DLkgrhdX2iE&feature=g-all-u&context=G245864aFAAAAAAAAHAA